การจัดการศูนย์ฟิตเนส (Fitness Center Management)
หลักการจัดการศูนย์ฟิตเนส
ตอนที่1 ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับศูนย์ฟิตเนส
ธุรกิจศูนย์ฟิตเนส (Fitness Business) เป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีการเจริญเติบโตอย่างมากในศตวรรษที่ 20
และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มมากขึ้นซึ่งมีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้น
ดังเห็นได้จากจำนวนศูนย์ฟิตเนสที่เพิ่มมากขึ้น
ศูนย์ฟิตเนสถือว่าเป็นการให้บริการสุขภาพอีกทางเลือกหนึ่งที่ต้องมีการจัดการระบบคุณภาพให้เป็นไปในระบบเดียวกันทั่วประเทศ
ทำให้ศูนย์ฟิตเนสจะต้องอยู่ในการควบคุมในการดำเนินการจากภาครัฐ
ประกอบกับประชาชนมีความรู้ในเรื่องการรักษาสุขภาพและการออกกำลังกายที่มีคุณภาพมากขึ้น ทำให้ศูนย์ฟิตเนสทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ต้องปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลง
มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพบริการ ให้มีมาตรฐาน พัฒนาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของการบริหาร
ให้มีความสอดคล้องกับ
สภาวการณ์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
รวมทั้งการพัฒนาบุคลากรให้มีความพร้อมทั้งในด้าน วิชาการ เทคโนโลยี และการให้บริการ บริหารจัดการต้นทุนภายใต้ทรัพยากร
ที่มีอยู่จำกัดทั้งด้าน
งบประมาณและบุคลากรโดยให้เป็นไปอย่างสมดุล
และมีประสิทธิภาพ
ด้วยกระแสของการดูแลสุขภาพในประเทศไทยยังเป็นที่นิยม ทำให้ได้เห็นตลาดฟิตเนส
หรือบริการด้านสุขภาพมีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดในช่วงหลายปีมานี้
ซึ่งตลาดฟิตเนสเองก็มีทั้งแบรนด์ใหญ่ระดับโลก และแบรนด์เล็กที่เป็นแบรนด์ท้องถิ่น
(Local
Brand) ในประเทศทำตลาดอย่างต่อเนื่อง การแข่งขันมีให้เห็นในทุกระดับตลาด
แบรนด์ใหญ่เองก็ลงทุนอย่างหนัก เพื่อให้ได้ฐานลูกค้า
และยึดทำเลตามห้างสรรพสินค้าเป็นหลัก
เพราะไลฟ์สไตล์คนไทยนิยมเข้าห้างสรรพสินค้าอยู่แล้ว
การที่มีฟิตเนสเข้าไปเปิดในทำเลนี้ช่วยสร้างโอกาสได้มากกว่า
ในขณะที่แบรนด์เล็ก
แบรนด์ท้องถิ่น (Local Brand) ในไทยก็เปิดฟิตเนสกันแพร่หลายมากขึ้น
เป็นฟิตเนสตามชุมชน ซึ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของแต่ละพื้นที่ไป
และยังมีเทรนด์การเปิดยิมของเหล่าเซเลบริตี้อยู่
ปัจจัยที่ทำให้ตลาดฟิตเนสยังคงเติบโต เป็นด้วยเทรนด์การออกกำลังกายที่ยังคงมาแรงอยู่
วัยรุ่น และผู้มีชื่อเสียงหันมาออกกำลังกายมากขึ้น
ทำให้ตลาดตรงนี้ยังมีโอกาสอีกมาก
ประกอบกับข้อมูลการออกกำลังกายของประชากรคนไทยนั้นยังมีอัตราที่น้อยมากมีแค่ยังไม่ถึง
1%
ของจำนวนประชากรทั้งหมด และเมื่อเทียบกับต่างประเทศก็ถือว่าน้อยมาก
ประเทศสิงคโปร์มีอัตราคนออกกำลังกาย 7% ออสเตรเลีย 15%
อังกฤษ 20% และสหรัฐอเมริกา 25%
ขนาดและมูลค่าของตลาดฟิตเนสประเทศไทย
* ข้อมูลงบกำไรขาดทุนจาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
เมื่ออ้างอิงข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
กระทรวงพาณิชย์ พบว่า
รายได้รวมของหมวดธุรกิจการดำเนินงานของสถานที่ออกกำลังกายในปี 2559 มีทั้งหมด 3,572 ล้านบาท
ผ่านบริษัทที่ยื่นงบการเงินมาให้ 127 ราย
และตัวอุตสาหกรรมนี้มีกำไรสุทธิรวมกันทั้งหมดถึง 512 ล้านบาท
สูงกว่าปี 2558 ที่ภาพรวมอุตสาหกรรมขาดทุนสุทธิ 91 ล้านบาท
แม้จะมีกำไรที่เพิ่มขึ้น
แต่เมื่อเทียบจำนวนผู้ยื่นงบการเงินนั้นจะพบว่าปี 2558 มีบริษัทยื่นงบถึง
335 ราย จนอุตสาหกรรมนี้มีรายได้รวมกันกว่า 4,400 ล้านบาท ดังนั้นจากจำนวนผู้ยื่นงบที่ลดลงแสดงให้เห็นถึงการแข่งขันของอุตสาหกรรมนี้ที่ดุเดือด
และคงไม่แปลกถ้า True Fitness จะปิดกิจการ
เพราะรายได้ลดทุกปี แถมปี 2558 ก็ขาดทุนถึง 49 ล้านบาท
โดยถ้ามองเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่
หรือมีสินทรัพย์ถาวร เช่นเครื่องออกกำลังกายแบบต่างๆ รวมมูลค่าสูงกว่า 200
ล้านบาทขึ้นไป ในปี 2559 มีเพียง 2 บริษัทเท่านั้นที่ยื่นงบการเงิน จากปี 2558 ที่มีถึง
5 บริษัท แต่เพียงแค่ 2 บริษัทก็มีรายได้รวมกันกว่า
3,297 ล้านบาท หรือกว่า 90% ของอุตสาหกรรมนี้แล้ว
รายใหญ่ล้ม
สบช่องรายเล็กแย่งตลาด
ในทางกลับกัน
เมื่อรายใหญ่เริ่มน้อยลง แต่กระแสรักสุขภาพยังคงเติบโตในประเทศไทย
ทำให้เกิดฟิตเนสทางเลือกขึ้นมาจำนวนมาก เพื่อรับช่วงต่อจากรายใหญ่ที่ทำธุรกิจไม่ไหว
หรือกลุ่มผู้ใช้ที่เบื่อการออกกำลังกายด้วยเครื่องต่างๆ โดยในปี 2558
มีกลุ่มสถานที่ออกกำลังกายขนาดเล็ก หรือมีสินทรัพย์ถาวรไม่ถึง 50 ล้านบาท
ส่งงบการเงินให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าถึง 324 ราย
ทำให้ภารวมอุตสาหกรรมสถานที่ออกกำลังกายในตอนนี้หากนับเป็นจำนวนก็จะเดินหน้าโดยธุรกิจรายเล็ก
แต่ถ้ามองเรื่องมูลค่า เกือบทั้งหมดจะอยู่กับธุรกิจรายใหญ่ ส่วนขนาดกลาง
หรือมีสินทรัพย์ถาวรระหว่าง 50-200
ล้านบาทนั้นแทบไม่มี อาจเพราะบริหารงานลำบาก และถ้าใหญ่ไปก็ไม่มีเงินลงทุน
หรือเล็กไปก็คล่องตัวสู้รายย่อยไม่ได้
เมื่อตรวจสอบธุรกิจสถานออกกำลังกายที่มีรายได้หลักร้อยล้านบาทใกล้เคียง
True
Fitness ประกอบด้วย
1.บริษัท
ฟิตเนส เฟิรส์ท (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Fitness First มีรายได้ปี 2559 ที่ 2,718
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.96% และมีกำไร 451
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.74% หากนับตั้งแต่ปี 2555 ตัวธุรกิจก็มีการเติบโตตลอด
2.บริษัท
เวอร์จิ้น แอ็คทีฟ (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ Virgin Active มีรายได้ปี 2559 ที่ 476
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80.25% และขาดทุน 156 ล้านบาท หากนับตั้งแต่ปี 2556
ที่ก่อตั้งธุรกิจมีการขาดทุนหลักร้อยล้านบาทตลอด
3.บริษัท
วี ฟิตเนส จำกัด หรือ We Fitness มีรายได้ปี 2559
ที่ 365 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.8% และขาดทุน 6 ล้านบาท หากนับตั้งแต่ปี 2556 มีการขาดทุน 26-74 ล้านบาทในแต่ละปี
เรียกว่าฟิตเนสรายใหญ่ส่วนใหญ่มีผลประกอบการขาดทุน
(ยกเว้นฟิตเนส เฟิรส์ท)
สรุป
เมื่อเจอกับภาพรวมตลาดที่แทบจะไม่เติบโต
แสดงให้เห็นถึงโอกาสในตลาดฟิตเนสนั้นแทบไม่มี
และรายใหม่ที่เข้ามาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการลงทุนทั้งสถานที่
และอุปกรณ์ก็ค่อนข้างสูง รวมถึงค่าสมาชิกจะแพงก็ไม่ได้
ดังนั้นการจะแข่งขันนี้ก็คงเป็นเพียงข้อแตกต่างในเรื่องคอร์สการฝึก หรือไม่ก็เทรนเนอร์ที่เก่ง
ไม่เช่นนั้นก็คงอยู่ในตลาดได้ไม่นานแน่นอน
แหล่งอ้างอิง
1. เช็คชีพจรธุรกิจฟิตเนสไทย
อันไหนเสี่ยงหากอยากสมัครสมาชิก และโอกาสของกลุ่มฟิตเนสทางเลือก (2017) https://brandinside.asia/fitness-market-and-opportunities/
2. เฉลิมพล จินดาเรือง (2555). ต้นแบบการจัดการคุณภาพศูนย์ฟิตเนสของมหาวิทยาลัยราชภัฏในประเทศไทย. วิทยานิพนธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรบริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิต
สาขาวิชาธุรกิจการกีฬาและการบันเทิง วิทยาลัยบัณฑิตศึกษาด้านการจัดการ มหาวิทยาลัยศรีปทุม
https://www.spu.ac.th/graduate/files/2012/07/CHALERMPOL-JINDARUENG.pdf
ผู้เขียน: ศุภนิธิ ขำพรหมราช(อ.ป๊อป) อาจารย์ สาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม และผู้ก่อตั้ง POP Fitness Studio
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น