โครงการ 60 Days Workout Challenge

60 Days Workout Challenge

โครงการบริการวิชาการสังคมสาขาวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา สาขาวิชาพลศึกษา คณะครุศาสตร์ และกองพัฒนานักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
ข้อมูลเกี่ยวกับผลงาน
จากรายงานสุขภาพของคนไทยปี 2557 ของสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยให้เห็นถึงภัยคุกคามสุขภาวะที่สำคัญคือภาวะโรคอ้วนที่เป็นสาเหตุให้เจ็บป่วยและอาจเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหรือกลุ่มโรค NCDs เช่นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง สาเหตุเพราะว่าสังคมไทยเข้าสู่ภาวะสังคมเมือง มีการทำงานที่แข่งขันอาจก่อให้เกิดความเครียดมีสิ่งอำนวยความสะดวกเข้ามาทำให้ประชาชนหันมาออกกำลังกายน้อยลงมีการบริโภคอาหารที่ไม่มีประโยชน์เสี่ยงต่อการเกิดโรคภัยต่างๆ ประกอบกับสังคมไทยยังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ มีสัดส่วนของผู้สูงอายุมากกว่ากลุ่มอื่นๆ ดังนั้นทางสาขาวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา สาขาพลศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามจึงตระหนักถึงภาวะคุกคามทางสุขภาพจึงได้จัดโครงการบริการวิชาการแก่สังคม โดยการส่งเสริมการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในมหาสารคามให้แก่กลุ่มต่างๆ คือโครงการ “60 Days Workout Challenge” เป็นการส่งเสริมการออกกำลังกายแบบมีผู้ฝึกสอนส่วนตัวและเผยแพร่สื่อออกกำลังกายทาง social media ให้ประชาชนทั่วไปได้รับการออกกำลังกายที่ถูกต้อง

ลักษณะของผลงาน
เป็นการบริการวิชาการแก่สังคมโดยการส่งเสริมการออกกำลังกายแบบมีผู้ฝึกสอนส่วนตัว แบ่งออกเป็น 4 เฟสๆละ 60 วัน ซึ่งการมีผู้ฝึกสอนส่วนตัวจะช่วยให้ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมสามารถออกกำลังกายได้อย่างถูกต้องปลอดภัยและเห็นผลตรงตามเป้าหมายของตนเองมากขึ้น กิจกรรมที่ทำควบคู่กันคือการเผยแพร่สื่อออกกำลังกายทาง Social media ให้ประชาชนทั่วไปที่สนใจสามารถนำไปออกกำลังกายเพื่อสุขภาพด้วยตนเองหรือนำไปเป็นสื่อในการแนะนำการออกกำลังกายให้แก่หน่วยงานตนเองได้

วิธีดำเนินการ (How to) :
ขั้นตอนที่ 1 การฝึกอบรมนักศึกษาที่จะเป็นผู้ฝึกสอนส่วนตัว 
1) ขั้นตอนการประเมินสุขภาพเบื้องต้น ประโยชน์ของขั้นตอนนี้คือผู้ฝึกสอนส่วนตัวจะทราบประวัติการออกกำลังกาย,ประวัติการเจ็บป่วย,ข้อห้ามต่างๆของผู้รับการออกกำลังกาย,เป้าหมายของผู้ออกกำลังกายรวมถึงสร้างเป้าหมายใหม่ที่ท้าทาย ที่ถูกต้องปลอดภัยและตรงกับความเป็นจริงให้แก่ผู้รับการออกกำลังกายได้
2)ขั้นตอนการวัดและประเมิน ประโยชน์ของขั้นตอนนี้ผู้ฝึกสอนและผู้รับการออกกำลังกายจะทราบสมรรถภาพทางกายของตนเองว่าอยู่ในเกณฑ์ใด ควรเริ่มต้นออกกำลังกายอย่างไร และจะนำไปสู่การวางแผนการออกกำลังกายที่ปลอดภัยเห็นผลมากขึ้น
3)ขั้นตอนการวางแผนด้านโภชนาการประโยชน์ของขั้นตอนนี้ผู้รับการออกกำลังกายจะทราบพลังงานเผาผลาญในแต่ละวันของตนเอง และร่วมมือกับผู้ฝึกสอนในการทำเป้าหมายน้ำหนักที่ต้องการให้เป็นจริงโดยกำหนดวันที่จะต้องทำให้ได้ตามเป้าหมาย กำหนดพลังงานที่ต้องลดต่อวัน กำหนดพลังงานที่ต้องแนะนำต่อวัน
4)ขั้นตอนการวางแผนโปรแกรมการออกกำลังกาย ประโยชน์ของขั้นตอนนี้ผู้รับการออกกำลังกายจะต้องมีการฝึกตัวต่อตัวกับผู้ฝึกสอนโดยทำการนัดหมายภายใน 60 วัน จะฝึกสัปดาห์ละกี่ครั้งก็ได้ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความสะดวกของผู้รับการออกกำลังกาย
5)ขั้นตอนการติดตามและให้คำปรึกษา จะเป็นขั้นตอนการทดสอบร่างกายอีกครั้ง ประโยชน์ของขั้นตอนนี้ คือผู้รับการออกกำลังกายจะทราบถึงการเปลี่ยนแปลงของตนเอง และเปลี่ยนแปลงการฝึกเพื่อขยับเข้าใกล้เป้าหมายตนเองมากขึ้นหรือเข้าสู่เป้าหมายใหม่                                                                                                      
ขั้นตอนที่ 2 การรับสมัครผู้ที่สนใจในการออกกำลังกายภายใต้แนวคิด 60 Days Workout Challenge 

รับสมัครผ่านทาง Social media ของผู้ฝึกสอนแต่ละคน เมื่อได้ผู้สนใจแล้วจะใช้ระยะเวลาในการออกกำลังกาย 60 วันโดยการฝึกแบบตัวต่อตัว (Personal Training) และเมื่อสิ้นสุดก็จะทำภาพก่อนและหลังการออกกำลังกายเผยแพร่ให้ผู้สนใจออกกำลังกายอื่นๆได้รับชม
โดยกิจกรรมออกกำลังกายแบ่งเป็น 4 เฟส (Phase) ดังนี้
เฟสที่ 1(มกราคม–กุมภาพันธ์ 2560) กิจกรรมสำหรับผู้มีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน เน้นกลุ่มนักศึกษาที่มีภาวะนำหนักเกิน เช่น ดัชนีมวลกายเกิน 23 กก/ม² หรือมีเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายผู้ชายเกิน 25 ผู้หญิงเกิน 32
เฟสที่ 2 (มีนาคม-เมษายน) กิจกรรมกับกลุ่มนักศึกษา เน้นกลุ่มนักศึกษาที่ต้องการมีสุขภาพร่างกายดีขึ้นจากเดิม เช่น ต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ร่างกายกระชับแข็งแรงขึ้น รวมถึงผู้มีสภาวะน้ำหนักเกิน
เฟสที่ 3 (พฤษภาคม-มิถุนายน) กิจกรรมกับกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง(NCDs) เน้นบุคลากรมหาวิทยาลัยและคนทั่วไป เช่นกลุ่มที่เสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน รวมถึงอาการ ออฟฟิศ ซินโดรม และบุคคลที่ต้องการให้มีสุขภาพแข็งแรงขึ้น
เฟสที่ 4 (กรกฎาคม-สิงหาคม) กิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุ เน้นตามชุมชนที่เป็นเครือข่ายกับสาขาวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา
ขั้นตอนที่3 การทำสื่อออกกำลังกายเผยแพร่ทาง Social media 
ทำสื่อออกกำลังกายเผยแพร่ผ่านทาง Social media ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายแบบตัวต่อตัวเผยแพร่ทางยูทูปและเพจของสาขาวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬาโดยข้อมูลของสื่อจะเน้นไปที่การออกกำลังกายที่สามารถทำได้เองง่ายๆทุกๆที่คือฟิตเนส (Fitness Anywhere) รวมถึงการนำเสนอความคืบหน้าหรือข้อมูลของผู้ที่เข้าร่วมออกกำลังกายในแต่ละเฟสว่ามีพัฒนาการเป็นเช่นใด
โดยสื่อที่ทำมาแล้วมีดังนี้
ผลสัมฤทธิ์:
กิจกรรมได้ดำเนินการไปเรียบร้อยแล้วในเฟสที่ 1 และกำลังดำเนินการต่อในเฟสที่ 2 โดยผลสัมฤทธิ์เชิงประจักษ์สำหรับเฟสที่ 1 มีดังนี้

1)ผลการเปลี่ยนแปลงผู้มีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนมีผู้เข้าร่วม20คนน้ำหนักตัวเฉลี่ยเดิมอยู่ที่75.71 กิโลกรัมคงเหลือ 73.77 กิโลกรัม เปอร์เซ็นต์ไขมันเฉลี่ยเดิมอยู่ที่ 33.15% คงเหลือ 29.01%
2)นักศึกษาบางส่วนที่เป็นผู้ฝึกสอนส่วนตัวได้ใช้ทักษะนี้ในการประกอบอาชีพตนเองต่อในขณะที่เรียนอยู่ โดยเป็นผู้ฝึกสอนออกกำลังกายอิสระ
3)หน่วยงานภาครัฐ เช่น กลุ่มงานสุขศึกษาโรงพยาบาลวาปีปทุมได้เชิญไปเป็นวิทยากรและนำข้อมูลไปพัฒนาต่อแก่บุคลากรโรงพยาบาลของตนเองต่อไป
4)กลุ่มงานสุขศึกษาโรงพยาบาลมหาสารคามได้ติดต่อนักศึกษาเพื่อไปทำหน้าที่ผู้ให้คำแนะนำการออกกำลังกายแก่บุคลากรประจำศูนย์ออกกำลังกายของโรงพยาบาล                                                                    
ความภาคภูมิใจ:
1)ผู้เข้าร่วมกิจกรรมออกกำลังกายมีผลการเปลี่ยนของร่างกายที่ดีขึ้น
2)นักศึกษาที่เป็นผู้ฝึกสอนออกกำลังกายได้ใช้ทักษะที่เรียนมาทำงานระหว่างเรียนได้
3)สาขาวิทยาศาสตร์การกีฬาเป็นที่ยอมรับแก่สังคมชุมชน หน่วยงานต่างๆนึกถึงกิจกรรมกีฬาหรือออกกำลังกายนึกถึงสาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
4)นักศึกษาสาขาพลศึกษาเป็นครูรุ่นใหม่ ได้ใช้ทักษะในศตวรรษที่ 21 คือกระบวนการถ่ายทอดความรู้การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพผ่านทางเทคโนโลยี
5)กองพัฒนานักศึกษา ได้ทำการส่งเสริมทักษะวิชาชีพ ให้นักศึกษามีงานทำระหว่างเรียนได้                  
ปัจจัยแห่งความสำเร็จ:
ปัจจัยแห่งความสำเร็จมี 2 ข้อ คือ
1)การทำงานเป็นทีมความร่วมมือช่วยเหลือกันมีเป้าหมายในการพัฒนาบริการวิชาการแก่สังคมของสาขาวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา สาขาพลศึกษา 
2)ความมุ่งมั่นของนักศึกษาที่เป็นผู้ฝึกสอนมีความมุ่งมั่นฝึกฝนตนเองให้มีทักษะที่พร้อมในการทำงานตั้งแต่เรียน ช่วยเหลือบริการสังคม ให้สังคมมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามปณิธานสาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา“เราจะเป็นเสาหลักทางกีฬาและการออกกำลังกายของภาคอีสาน”
เจ้าของผลงาน/สังกัด   
อาจารย์ศุภนิธิ ขำพรหมราช สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา คณะครุศาสตร์
นายรัฐศาสตร์ เศษบุปผา นักศึกษาสาขาวิชาพลศึกษา คณะครุศาสตร์




ความคิดเห็น